Site Overlay

เ…

สวัสดีครับเพื่อนๆ \(^0^)/

ช่วงนี้อยู่บ้าน เวิ้ร์คฟรอมโฮม ไปยาวๆเลยครับสำหรับแอด (แต่จริงๆงานแอดก็ไม่มีออฟฟิศให้เข้าอยู่แล้วครับ) จากหลายๆวันก็เป็นหลายอาทิตย์…นาน เข้าก็เริ่มจะเกิดอาการแห้งๆหรุบๆขึ้นมา ไม่ได้ละเดี๋ยวหมดอายุเร็วกันพอดี ออกไปเดินในสนามแก้หรุบดีกว่า ใส่รองเท้าได้ อ๊ะ! ห้อมมม…กลิ่นข้างๆบ้านทำอาหารโชยมาเวลาท้องว่างทู้กกกทีเลอ วันนี้ป้าทำอะไรน้าาาา.. ระหว่างที่เดินตามกลิ่นไปน้านนน มารู้ตัวอีกที…อ้อ..หน้านี่จะติดรั้วละ ข่มความอยากรู้ไว้ เดินกลับเข้าบ้าน ความเซ็งยังไม่หายแถมเพิ่มความหิวเข้ามาอีก เวลานี้จะนั่งไถมือถือสั่งอาหารร้านคงปิดหมดละ อ่ะ …เหมือนเดิมที่เคยทำ เมนูวันนี้ ของเหลือเท่าที่มี ใจนี่มีความหวังกับมาม่าเกาหลีใส่ไข่ 

หมด! ไข่.. ไม่มี…มาม่าเกาหลีหมด! ทั้งแบบคัพแบบซอง แล้วเหลืออะไรบ้างเนี่ยยยย… สุดท้าย ได้ capellini พริกขี้หนู ไส้กรอก1ชิ้น อ่ะ..ได้! เค้ามีแต่สปาเกตนี้พริกแห้งเบคอน ของแอดน่าจะเป็น สปาเกตตี้พริกสดไส้กรอก 

มาเริ่มทำกันครับ น้ำมันมะกอก พริก(ทอดนานหน่อย) กระเทียม ตามด้วยไส้กรอก เอาเส้นที่ลวกแล้ว(แอดลวกเส้นน้อยกว่าข้างซองที่บอก2นาทีครับ เพราะเส้นจะสุกต่อในกะทะครับ) ผัดๆๆๆๆๆ ใส่พริกไทยดำเพิ่มความหอม หันไปหยิบเกลือมาเขย่าๆๆๆ  o0o! อ้าววว หมด ไม่ทันละ ปิดไฟก่อน ไปใส่ในจานเอาละกัน จำได้ว่าได้มาขวดนึง แต่ก็น่าจะมีเหลือในถุงที่เทแบ่งบ้างหล่ะน่าาา ไม่มีเกลือนี่จบกันเลยขะนับ

อืมมมม…ห้อมมม สปาเกตตี้พริกสดไส้กรอกอยู่ในจานอย่างยั่วยวน เดินหาเกลือ อ่ะ อันนี้ขวดนี้ละกัน มีความขี้เกียจเทจากถุงใส่ขวด เขย่าๆ โรยๆ…จัดการคลุกๆๆๆ ม้วนเส้นใส่ปาก…อืมมมม อาาาโหร่ยยยยยย… นั่งรับทานไปก็หยิบขวดเกลือขึ้นมาดู ฉลากพิมพ์ไว้ว่า “Sea salt” ก็คิดในใจว่า ทำไมต้องพิมพ์ ซีซ้อลท์ เกลือก็ต้องมาจากทะเลอยู่แล้ววววป่ะ ขำอ่ะ (ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ารอยหยักในสมองมีน้อย) ไปหยิบถุงเกลือมาอ่านบ้าง เอ๊ะ! ไม่เหมือน งั้นคืออะไรอ่ะ อยากรู้ทันทีแต่ขอรับทานให้หมดก่อน 

แก๊กๆๆๆๆๆๆๆ… โอ้วววว มายยยย ไปอยู่ไหนมาถึงเพิ่งจะรู้ว่า เกลือที่กินกันอยู่เนี่ย คือเกลือสินเธาว์  ไม่ใช่ เกลือทะเล ไม่ได้เอะใจเอ๊ะใจใดๆทั้งสิ้นเลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็หาข้อมูลเรื่องเกลือยู้ … -=-!

แล้วเกลือสินเธาว์ คืออะไรอ่ะ ตอนเด็กๆจำได้ว่านั่งรถไปต่างจังหวัดจะเห็นเค้าทำนาเกลือกัน มีกองเกลือเป็นรูปสามเหลี่ยมสีขาว เรียงกันเป็นทิวแถว ก็รับรู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าเกลือทำมาจากน้ำทะเล 

เกลือสินเธาว์ ได้มาจากชั้นเกลือหินที่อยู่ใต้ดินตกหลุมรักกับน้ำบาดาล เมื่อความรักสุกงอมฟิชเชอริ่งกลายเป็นน้ำเค็ม และได้จูงมือหนีตามกันขึ้นมาบนผิวดินหวังจะได้เจอะเจอกับโลกกว้างไม่อยากอยู่อุดอู้อยู่แต่ใต้ดินอีกต่อไป แต่แล้วทั้งคู่ก็โดนตัวร้ายอย่างผิวดินที่มีความอิจฉาริษยา กีดกั้นทั้งคู่โดยปล่อยท่าไม้ตายเป็นพลังความร้อนซู้งงงง ทำให้ทั้งคู่เมื่อดิ้นรนขึ้นมาบนผิวดินแล้วต้องร่างสลายระเหยไปในอากาศ คงเหลือทิ้งลูกๆที่กลายเป็นผลึกเกลือสีขาวไว้ดูต่างหน้า ได้ชื่อว่า ขี้ทา (เป็นตุเป็นตะ ดูอะเวนเช่อร์มากไปหน่อยครับช่วงนี้) 

ชาวบ้านก็จะเอา ขี้ทา ผสมกับ ฟางหรือ แกลบข้าว ใส่ลงใน รางเกรอะ (รุ่นปู่ย่าตายายจะเป็น ต้นไม้ใหญ่ที่มีโพรง ตัดความยาว2-4เมตร ผ่าครึ่งวางหงาย เจาะรูตรงกลาง เพื่อให้น้ำไหลออกได้) ขึ้นไปเหยียบให้ดินแน่นๆๆๆ เทน้ำทิ้งไว้ข้ามคืน หรือ 24 ชม.

ครบเวลาที่หมักดินแล้ว ก็เปิดรุที่เจาะให้น้ำไหลออกมา ก็จะได้น้ำเกลือ เจ้มจ้น จากน้านนน นำไปต้มด้วยไฟอ่อน ต้องย้ำนะขะรับว่าไฟอ่อน (อันนี้ขึ้นอยู่กับฝีมือและประสบการณ์ล้วนๆของคนต้ม) เพราะจะทำให้ได้ผลึกเกลือที่มากกว่าไฟแรงๆ  จากนั้นก็นำเกลือตากให้แห้งสนิท จึงค่อยใส่ถุงบรรจุขายได้ แอบกระซิบว่า ปลาแดก (ปลาร้า) ที่ดีต้องใช่เกลือสินเธาว์ในการหมักเท่านั้น ถึงจะดึงรสชาติที่ห้อมมมอร่อยออกมาและไม่เน่าเสีย แบบเกลือไอโอดีนที่ขายกันทั่วไปในท้องตลาดครับ อูยยยยย น้ำลายไหลเลย 55555

ส่วนเกลืออีกชนิด นั่นก็คือ เกลือทะเล ที่แอดคิดว่าน่าจะทำง่ายแหละ ที่คิดคือ เอาน้ำทะเลมาขัง รอให้ระเหย จบ

อ่ะ ก็ตามนั้นแหละ โดยเริ่มจาก “นาขัง” เอน้ำทะเลเข้ามาให้ตกตะกอน แล้วก็ปล่อยน้ำเข้านาที่2 คือ “นาตาก” อันนี้จะให้น้ำทะเลระเหยเพื่อเพิ่มความเข้มข้น ที่ระดับ 3 ดีกรี (อ่ะ..นอกจากแอลกอฮอล์แล้ว เกลือก็มี ดีกรี นะขะนับ) จากนั้นปล่อยเข้าสู่ “นาแผ่” ขั้นตอนแบบเดิมเพิ่มเติมความเข้ม้นไปที่ 15ดีกรี ยังไม่พอ  ปล่อยต่อไปทำความเค็มเพิ่มที่ “นาดอก”  ต่ออีก   ให้ได้ความเค็ม 25ดีกรี (อ่ะ เค็มไตกราบ) เสร๊จแล้วปล่อยเข้ามาที่ 

“นาวาง” ครับ  ตามชื่อเลยครับ…วาง… ไว้ 25 วัน รอตกผลึก  

เมื่อตกผลึกได้ความหนา 1นิ้ว ก็ทำการแซะๆๆๆๆ เรียกว่า รื้อเกลือ โกยๆๆมา แบบที่เวลาขับรถผ่านสมุทรสาคร เลยครับ เป็นภูเขาเล็กๆสีขาวเต็มไปหมด แล้วขั้นสุดท้ายคือ หาบเกลือ ก่อนจะ ตักเกลือหาบไปเก็บในยุ้ง ชาวนาก็จะมีพิธี ทำขวัญเกลือด้วยนะครับ  อ้อ ลืมพิมพ์ไป  เกลือสินเธาว์ก็มีพิธี บูชา บวงสรวง บ่อเกลือ ด้วยเหมือนกันครับ

ถ้าจะพิมพ์เรื่องเกลือที่เกี่ยวข้องกับคนไทยนี่ก็โหหหห คงจะยาว นิ้วล็อคกันอีกรอบทีเดียว งั้นแอดขอหยิบมาพิมพ์ใ้อ่านกันเล็กน้อยนะครับ เริ่มจากไหนดีนะ ..อืมมม.. อ่ะ เริ่มจากใกล้ตัวที่สุดตามกิจวัตรประจำวันของแอดก่อนละกัน เกลือ ในทาง ยา แล้วกันนะครับ เกลือ ครึ่งถึง 1 ช้อนชา ผสม น้ำอุ่น กลั้วคอ อันนี้แอดทำเวลารู้สึกเริ่มจะเจ็บคอหรือมี แผลในปาก (อันนี้จะฟินแสบมากกก) เพราะ เกลือจะไปเพิ่มความด่างพร้อย ..อ่อ..ไม่ใช่ๆๆๆ…เพิ่มความเป็น ด่าง ซึ่งทำให้แบคทีเรียไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ จะว่าไป กองทัพของนโปเลียนครั้งนึงก็ถอนทัพเพราะไม่มีเกลือที่จะรักษาแผลหิมะที่กัดเท้าของทหารในกองทัพได้ (เรื่องเกลือๆนี่สำมะคัญจิมๆ)

นอกจากนี้ในตำรับยาไทยโบราณ ก็จะใช้เกลือเป็นส่วนประกอบในการรักษาด้วยอึดตะพือนัง เอาตัวอย่างน้อยๆละกันนะคะรับ แอดเลือกเรื่องใช้เกลือทำเป็นพิกัดยา มาพิมพ์ให้อ่านละกัน(น่าจะหมายถึงส่วนประกอบที่จะใช้ในสูตร) เรียกว่า เบญจเกลือ ได้แก่ เกลือสินเธาว์ เกลือวิก เกลือพิก เกลือฝ่อ เกลือสมุทะรี โดยจะใช้เกลือทะเล (ย้ำว่าทะเลนะครับ สินเธาว์ไม่ได้)  ผสมน้ำเล็กน้อย ต้มจนแห้ง แบ่งออกเป็น 5 ส่วน 

สูตรของเกลือทั้งหลายแหล่เหล่านี้ ในแต่ละสูตรจะใช้ เกลือ 1 ส่วน และส่วนผสมในแต่ละสูตรอีก 1 ส่วน เมื่อผสมกันแล้ว ต้องกวนต่ออีกเป็นเวลา3วัน ถึงจะนำมาใช้ได้นะครับ 

งั้นเรามาเริ่มจาก เกลือสินเธาว์ กันเป็นสูตรแรกละกันนะครับ โดยจะใช้เกลือ และ นมวัว สรรพคุณ ตามตำราบอกว่า “แก้เสียซึ่งพรรดึก แก้ระส่ำระสายแลสมุฏฐานตรีโทษ” โห.. แปลสิครับ ต้องแปล พรรดึก คือ อาการท้องผูก ส่วน สมุฏฐานตรีโทษ แปลไทยเป็นไทยแล้วประมาณว่า แก้เสมหะ อาหารไม่ย่อย และช่วยให้หลับสบาย 

เกลือวิก ใช้เกลือและเหล้า ผสมๆกวนๆ มีสรรพคุณ “ทำลายโรคในท้อง ท้องมาน ไส้พองท้องใหญ่” อ่าาาา… มันคือโรค น้ำในช่องท้อง ตับแข็ง ฝีในตับ อะไรประมาณนี้ครับ

เกลือพิก ใช้เกลือและน้ำผึ้ง ผสมๆกวนๆ แอดหาข้อมูลไปก็รู้สึกว้าวใจ กับตำรายาโบราณมากครับ ช่างค้นค้าสรรหาเหลือเกิ้นนน รู้สึกเคารพและศรัทธามาก  สรรพคุณของตำรับนี้คือ “ทำให้เสัยงเพราะ ทำให้ชุ่มในลำคอ” อ่ะ อันนี้ยังใช้กันมาถึงปัจจุบัน ไม่ต้องแปล คำโบราณแต่ตรงตัว เด๊ะๆ ฟิ้วววววว

เกลือฝ่อ ใช้เกลือและน้ำมันงาน้ำมันเปรียง(น้ำมันที่ได้จากไขของวัว) ผสมๆกวนๆ สรรพคุณ “แก้อนุโลมปฏิโลมแห่งโรค แก้โรคอันเสียดแทงบำรุงทาสไฟ และแก้พรรดึก แก้มูกเลือดให้อัตรธานวิเศษนัก”  แหมมมมมม ปวดหัวเลย สรุปให้ประมาณได้ว่า แก้ลมตีจุกท้องเสียดท้อง แก้ท้องผูก ขับถ่ายเป็นเลือด ไรงี้ครับ

เกลือสุดท้ายของเบญจเกลือ คือ เกลือสมุทะรี  ส่วนผสมจะใช้เกลือ และน้ำมูตรโค (ปัสสาวะของวัว…อืมมม 0@0 ) มิกซ์กัน อัตรา 1:1 ส่วนครับ โดยสรรพคุณน้านนนน  จะ “ช่วยเจริญธาตุทั้ง 4  แก้พรรดึก แก้โรคอันบังเกิดแก่ตา” ขยายความนิสส  ธาตุทั้ง4 ที่มีในร่างกาย ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งจะอยู่ในอวัยวะต่างๆ ได้แก่ 

ธาตุดิน คือ องค์ประกอบที่เป็นโครงสร้าง เช่น กระดูก ผม เล็บ เนื้อ หนัง ม้าม หัวใจ ลำไส้ เป็นต้น

ธาตุน้ำ อ่ะ อันนี้ตรงตัว คือ องค์ประกอบที่เป็นน้ำทั้งหมด ในร่างกาย เช่น น้ำมัน น้ำตา ไขข้อ น้ำดี 

ธาตุลม คือ พลังที่ขับดันภายในร่างกายที่มีการเคลื่อนไหวหมุนเวียนตลอดเวลา

ธาตุไฟ คือพลังงานที่อยู่ในร่างกายที่ทำให้เกิดความอบอุ่น แอดนึกถึงการ เบิร์น ก่อนเลยครับ ซึ่งระบบย่อยก็รวมอยู่ด้วย สรุปคือ เกลือสมุทะรีนี้ ช่วยทำให้กลไกลในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มที่และสมบูรณ์นั่นเองครับ แก้พรรดึก อ่ะ แก้ท้องผูก แต่โรคอันบังเกิดแก่ตานี่แอดไม่สามารถขยายความได้ว่าอะไรบ้างครับ ขออภัยจริงๆครับ

อ้อหอออ (ติดมาจากเพจบ่งบ้งแมวแม่ค้าครับ แอดชอบมาก) นี่ขนาดแค่ส่วนยิบๆย่อยๆในตำรายาโบราณ นะครับ ยังยืดยาวมากกก  “เกลือ” ยังมีอยู่อีกในหลายๆอย่างรอบตัว ตั้งแต่ตื่นนอนจนเราหลับกันเลยทีเดียวครับ ไว้ถ้ามีข้อมูลเพิ่ม จะมาพิมพ์ให้อ่านกันใหม่นะครับ นั่งก้มหน้าพิมพ์มานานแล้ว หิวน้ำอ่ะ อยากได้อะไรเย็นๆชื่นจายมาดื่ม อิอิอิ เจอกันใหม่บทความหน้านะครับ ขอบคุณครับ

By N.K

อ้างอิง

mitearth.org

isangate.com 

apps.phar.Ubu.ac.th

be7herb.Wordpress.com

healthcarethai.com

readthecloud.co